การศึกษาของเจ้าชายทีปังกร: เปิดเผยความลับและความประหลาดใจ

วัยเยาวของเจ้าชายน้อยรากเน่าแห่งโชคชะตากลางพระราชวังอันกว้างใหญ่ที่เงียบงันเสียงฝีเท้าเล็กๆเคยก้องกังวาลท่ามกลางกำแพงหินที่ไม่ยอมเผยความลับแก่ใครเสียงนั้นคือเสียงของเจ้าชายน้อยผู้ถือกำเนิดในราชสกุลอันสูงศักดิ์แต่ยังไร้เดียงสาและเปลี่ยมไปด้วยแววตาแห่งความหวังพระนามของพระองค์เจ้าชายทีปังกรกรรัศมีโชติเป็นดั่งการผูกพันระหว่างแสงสว่างแห่งธรรมะทีปังกรกับโชคชะตาที่ต้องส่องทางให้แก่ประชาชนพระนามนี้ไม่ใช่เพียงตัวอักษรแต่ คือคำทำนายทางจิตวิญญาณที่ตั้งใจวางไว้ให้กับอนาคตของราชวงศ์ไทยหากกล่าวถึงความรักแรกในชีวิตของเจ้าชายคงไม่ใช่สิ่งใดอื่นนอกจากสายใยของมารดาท่านผู้หญิงศรีรัตน์สุวดีอดีตพระชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชทรงเป็นบุคคลสำคัญในช่วงปฐมวัยของเจ้าชายแม้กาลเวลาจะพัดพาเธอออกจากสายตาสาธารณชนแต่สำหรับเจ้าชายเธออาจยังคงเป็นแสงเหงาที่อบอุ่นในความทรงจำเธอไม่อยู่ในพระราชพิธีแต่เธออยู่ในหัวใจคำนี้อาจไม่ได้เคยเปล่งเสียงออกมาแต่สะท้อนอยู่ในท่าที ที่สงบสุภาพและอ่อนโยนของเจ้าชายเสมอมาเจ้าชายน้อยเติบโต๊ะขึ้นภายใต้สายตาอันเงียบงันของโลกภายนอกแต่ในกำแพงวังเขาไม่ได้เป็นเพียงเด็กน้อยธรรมดาการเลี้ยงดูเขาเป็นดั่งการวางรากฐานของต้นไม้ใหญ่ที่ต้องมั่นคงแข็งแรงพร้อมรับแรงลมในวันที่พายุจะมาเหยือนพระองค์ได้รับการอบรมด้วยกรอบวินัยแบบราชสำนักพร้อมๆกับความรักจากบุคคลที่ใกล้ชิดทีมพี่เลี้ยงครูสอนพิเศษและข้าราชบริพารล้วนถูกคัดเลือกอย่างเข้มงวดเพื่อให้พระองค์เติบโตอย่างมีเกียรติ และความเข้าใจต่อบทบาทของตนในอนาคตแต่เหนือคำสอนใดๆยังมีบทเรียนที่ไม่มีในตำรานั่นคือความคิดถึงและความเงียบของมารดาเด็กน้อยคนหนึ่งที่เติบโตโดยไม่มีอ้อมกอดของแม่ในทุกวันอาจไม่ได้เปราะบางเสมอไปหากแต่จิตใจกลับเข้มแข็งเกินเกินไวและนั่นอาจเป็นเหตุผลที่เจ้าชายทีปังกรแสดงออกถึงความมุ่งมั่นและการมีวินัยอันโดดเด่นตั้งแต่วัยเยาวจิตใจของเด็กคนหนึ่งเติบโตได้แม้ไร้เงาแต่หากมีรากฐานแห่งความรักอยู่ใต้พื้นดินมันจะไม่ล้มง่ายคำ กล่าวนี้อาจสะท้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในพระทัยของเจ้าชายการมีสายเลือดราชวงศ์ไม่ใช่เพียงเกียรติยศแต่คือพันธกัปาชนทั้งประเทศพระองค์มิได้เกิดมาเพื่อตนเองหากแต่เพื่ออนาคตของราชบัลลังก์และหัวใจของปวงชนแม้โลกจะยังไม่รู้ว่าเจ้าชายน้อยมีความฝันเช่นไรหรือเคยร้องไห้ในคืนใดบ้างแต่ท่ามกลางแสงสปอร์ตไลที่สาดส่องมีดวงใจหนึ่งที่ไม่เคยหยุดสั่นไหวหัวใจของแม่เธออาจนั่งเงียบอยู่มุมใดของโลกแต่สายตาคู่นั้นยังคงมองดูด้วยความภาคภูมิใจและเมื่อ เรามองย้อนกลับไปยังภาพของเจ้าชายในวัยเยาวภาพนั้นมิใช่เพียงภาพของเด็กผู้ชายในเครื่องแบบหากแต่เป็นต้นกล้าที่กำลังตั้งต้นรับแสงแรกของโชคชะตาเจ้าชายน้อยผู้มีสายเลือดแห่งความหวังดวงดาวที่กำลังค่อยๆลุกไม่ขึ้นในฟากฟ้าของราชวงศ์ไทยดวงอาทิตย์ขึ้นอย่างเงียบงันเสมอแม้ไม่มีเสียงปรบมือแต่โลกก็เปลี่ยนไปในทุกเช้าเช่นเดียวกับพระองค์ผู้เติบโตขึ้นท่ามกลางความเงียบและความคาดหวังของแผ่นดินในโลกของเจ้าชายการศึกษาไม่ใช่เพียงเรื่อง ของตำราแต่คือการวางรากฐานแห่งพระที่ยังมองไม่เห็นห้องเรียนที่เจ้าชายทีปังกรเคยเดินผ่านไม่ได้เป็นเพียงสถานที่แห่งความรู้แต่คือเวทีฝึกฝนจิตใจการควบคุมอารมณ์และความเข้าใจต่อบทบาทของตนในสังคมที่เต็มไปด้วยความคาดหวังจากโรงเรียนระดับต้นในประเทศไทยพระองค์ได้รับการดูแลอย่างละเอียดละอทั้งด้านวิชาการการศีลธรรมและวินัยชีวิตรัวของโรงเรียนเหล่านั้นไม่ได้ทำหน้าที่แค่กันความปลอดภัยจากภายนอกแต่ยังเป็นการจำกัดการเข้าถึงจากโลกที่ไม่ เข้าใจว่าเจ้าชายคนหนึ่งอาจต้องการความธรรมดาเช่นเดียวกับเด็กทั่วไปในช่วงวัยที่เด็กหลายคนได้เรียนรู้ผ่านการเล่นสนุกเจ้าชายทีปังกรต้องเรียนรู้ผ่านระเบียบวินัยที่เคร่งครัดบทเรียนที่พระองค์ได้รับมิใช่แค่การคุณหาญหรือภาษาต่างประเทศหากแต่ยังมีวิชาที่ไม่ได้เขียนไว้ในหลักสูตรการวางตัวในฐานะผู้เป็นที่จับตามองของทั้งแผ่นดินความรู้ที่แท้จริงไม่ใช่สิ่งที่จำได้จากหนังสือแต่คือสิ่งที่หล่อหลอมเป็นจิตใจในชีวิตของเจ้าชายความรู้ จึงไม่ใช่แค่ความฉลาดแต่คือความเข้าใจในความเป็นมนุษย์และความเป็นผู้นำภายในรั้วโรงเรียนอันเงียบสงบมีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนากล้องวงจรปิดครูพิเศษและเจ้าหน้าที่ราชการคอยเฝ้าระวังแต่เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่น่าจับตามองที่สุดอาจไม่ใช่ระบบรักษาความปลอดภัยเหล่านั้นแต่คือความเงียบที่กลายเป็นเพื่อนสนิทของเจ้าชายความเงียบที่อาจทำให้เขาต้องเรียนรู้ความแข็งแกร่งจากภายในและนี่คือบทเรียนที่แม้แต่ครูผู้มากประสบการณ์ก็ไม่อาจสอนได้การ ศึกษาของพระองค์ไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศเดียวในบางช่วงเวลาพระองค์ได้รับโอกาสในการเข้าเรียนในต่างประเทศเพื่อเปิดโลกทัศน์และซึมซับคุณค่าจากวัฒนธรรมที่หลากหลายแม้ในแผ่นดินห่างไกลเจ้าชายยังคงดำรงตนในความสงบเรียบร้อยและไม่ลืมรากเหง้าของตนในราชบัลลังก์ไทยเพื่อนร่วมชั้นเรียนของพระองค์ในโรงเรียนนานาชาติหรือแม้แต่ในยุโรปอาจไม่รู้ว่าคนที่นั่งข้างพวกเขาคือผู้นำในอนาคตของประเทศหนึ่งแต่เจ้าชายก็เลือกที่จะเรียนรู้เช่นคน ธรรมดาและให้ความเคารพต่อทุกคนในแบบที่ผู้นำควรมีความเป็นผู้นำมีได้เริ่มต้นจากคำสั่งแต่เริ่มต้นจากการเข้าใจผู้อื่นด้วยหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในวัฒนธรรมไทยศาสนาและหน้าที่ต่อชาติรวมถึงการเรียนวิชาโบราณคดีไทยประวัติศาสตร์รัฐศาสตร์และศิลปะพื้นบ้านพระองค์จึงได้รับความรู้ที่ลึกซึ้งกว่าความเข้าใจทั่วไปสิ่งเหล่านี่ไม่เพียงสอนให้เจ้าชายรู้จักอดีตของชาติแต่ยังเป็นการเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความเคารพใน ประเพณีต้นกล้าซึ่งวันหนึ่งจะกลายเป็นร่มเงาให้กับคนทั้งแผ่นดินเจ้าชายไม่เพียงเป็นลูกของกษัตริย์แต่คือผู้ที่ต้องเติบโตเป็นบิดาของประชาชนและเส้นทางการศึกษาอันยาวไกลนี้อาจไม่สวยหรูเหมือนในเทพนิยายหากแตะแฝงไว้ด้วยหยาดเหงื่อความอดทนและบทเรียนที่ไม่มีใครสามารถถ่ายทอดได้นอกจากการลงมือใช้ชีวิตจริงในที่สุดเราจึงเห็นภาพของเจ้าชายคนหนึ่งที่ผ่านพ้นห้องเรียนซึ่งเงียบสงบเหมือนวัดแต่เปี่ยมด้วยพลังของคำถามในใจและความตั้งใจ ที่ยังไม่ถูกเปิดเผยการศึกษาที่แท้จริงคือการเตรียมใจให้พร้อมรับผิดชอบแม้โลกจะยังไม่ยอมให้อภัยคำกล่าวนี้อาจเป็นสัจธรรมเงียบๆในชีวิตของเจ้าชายทีปังกรหากการศึกษาภายในประเทศเปรียบเสมือนกันอย่าอย่างรากให้ลึกการศึกษาในต่างแดนก็เสมือนการขยายกิ่งก้านออกสู่แสงแดดของโลกกว้างและเจ้าชายทีปังกรก็ได้สัมผัสทั้งสองสิ่งนี้พระองค์เดินทางไกลจากแผ่นดินแม่เพื่อเสริมสร้างทัศนคติความเข้าใจและภาษาต่างประเทศในช่วงวัยที่หลายคนยัง ลังเลระหว่างการเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่เจ้าชายกลับต้องเผชิญหน้ากับโลกใบใหม่ด้วยพระเกียรติที่เงียบงามและจิตใจที่แน่วแน่ในยุโรปที่ซึ่งฤดูหนาวไม่เพียงทำให้ลมหายใจกลายเป็นไอแต่ยังเปลี่ยนแปลงมุมมองชีวิตของผู้คนได้อย่างลึกซึ้งเจ้าชายทีปังกรเรียนรู้ท่ามกลางหิมะและวัฒนธรรมอันหลากหลายในโรงเรียนที่ไม่รู้จักพระยศของพระองค์แต่รู้จักเขาในฐานะนักเรียนคนหนึ่งเท่านั้นพระองค์ใช้ชีวิตเช่นเดียวกับเด็กธรรมดาเข้าเรียนตอบคำถามทำการบ้านและ เผชิญกับความโดดเดี่ยวเป็นครั้งคราวแต่ความเงียบงั้นนั้นเองคือห้องเรียนลับที่ทำให้ทักสะพายในเติบโตการเดินทางไกลไม่ได้สอนให้รู้แค่ทางกลับบ้านแต่สอนให้เรารู้จักโลกและรู้จักตนเองเจ้าชายผู้เดินทางข้ามฟ้าจึงไม่เพียงเรียนรู้ภาษาอังกฤษหรือเยอรมันหากแต่เข้าใจว่าโลกไม่ได้หมุนรอบตัวเองแต่หมุนด้วยความหลากหลายและเสียงที่ต่างกันภาษาคือหนึ่งในอาวุธเงียบของผู้นำและเจ้าชายทีปังกรก็ไม่ได้พูดพูดได้เพียงภาษาไทยแต่ยังใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจและอาจ เรียนรู้อีกหลายภาษาเพื่อเตรียมตัวเป็นสะพานเชื่อมระหว่างราชวงศ์ไทยกับประชาคมโลกในห้องเรียนของโลกพระองค์ได้พบกับความคิดที่ต่างความศรัทธาที่หลากหลายและความท้าทายที่ไม่เคยมีในรั้ววังทั้งหมดนี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงหัวใจไทยของพระองค์แต่กลับหล่อหลอมให้ท่าทีของพระองค์อ่อนโยนเข้าใจและไม่รีบร้อนตัดสินใครยิ่งเดินทางไกลยิ่งรู้ว่าความถ่อมตนคือภาษาสากลที่งดงามที่สุดแม้พระองค์จะอยู่ไกลจากบ้านแต่พระธรรมวินัยยังคงอยู่ใกล้ใจพระองค์ยังคง รักษาความเรียบร้อยมีมารยาทแบบไทยและไม่เคยลืมว่าไม่ว่าภาษาใดที่พูดออกไปหัวใจของเจ้าชายคือหัวใจของชาวไทยในยุคโลกาภิวัฒน์ผู้นำที่เข้าใจเพียงประเทศตนเองอาจเพียงพอพอสำหรับวันนี้แต่ผู้นำที่เข้าใจโลกจะเป็นผู้ขับเคลื่อนอนาคตและเจ้าชายทีปังกรอาจเป็นหนึ่งในนั้นผู้นำที่ไม่เพียงพูดกับโลกแต่ฟังโลกด้วยความเข้าใจและเมตตาผู้นำที่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่ผู้ที่ยืนอยู่บนยอดเขาแต่คือผู้ที่รู้ว่ามีอีกหลายยอดเขาที่ต้องเรียนรู้คำนี้อาจ เป็นภาพเงาสะท้อนในพระจริยาวัตของเจ้าชายผู้นำที่กำลังเติบโตขึ้นท่ามกลางความเงียบและความเข้าใจในความหลากหลายของโลกในขณะที่เด็กชายส่วนใหญ่เฝ้ารอวันเติบโตเพื่อเลือกเส้นทางชีวิตของตนเองเจ้าชายทีปังกรกลับเติบโตพร้อมภารกิจที่ไม่อาจปฏิเสธภารกิจที่ถูกวางไว้ตั้งแต่ลืมตาดูโลกไม่มีใครรู้ว่าในหัวใจของเจ้าชายนั้นเคยถามคำถามหรือไม่ว่าทำไมต้องเป็นข้าแต่เส้นทางชีวิตของพระองค์ไม่ได้มีพื้นที่ให้หยุดถามได้นานนักเพราะทุกข์ย่างก้าคือ การเตรียมตัวเพื่อเป็นหลักของชาติและเงาของบรรพบุรุษที่ยังคงเฝ้าดูอยู่จากอดีตพระองค์ได้รับการอบรมจากผู้เชี่ยวชาญในแขนงต่างๆไม่ว่าจะเป็นครูทางประวัติศาสตร์ไทยผู้รู้ด้านศาสนาวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยรวมถึงที่ปรึกษาพิเศษด้านรัฐศาสตร์และการปกครองการศึกษาของพระองค์จึงไม่ใช่เพียงเพื่อความรู้แต่เพื่อการเข้าใจประเทศอย่างลึกซึ้งทั้งรากของอดีตความเปลี่ยนแปลงของปัจจุบันและความไม่แน่นอนของอนาคตผู้นำที่แท้จริงไม่ได้ยืนอยู่ เหนือผู้อื่นแต่ยืนอยู่กลางใจประชาชนประโยคนี้อาจไม่เคยถูกเอ่ยในชั้นเรียนแต่คือหลักที่สะท้อนอยู่ในวิธีที่เจ้าชายปฏิบัติต่อทุกคนรอบตัวพระองค์ได้รับการฝึกฝนด้านจิตใจอย่างหนักหน่วงเรียนรู้การควบคุมอารมณ์การตัดสินใจโดยใช้เหตุผลแทนอารมณ์และเหนือสิ่งอื่นใดการฟังอย่างลึกซึ้งโดยไม่ตัดสินในเวลาที่ผู้คนภายนอกจับจ้องด้วยคำถามเจ้าชายกลับเลือกเงียบและเรียนรู้การยืนอยู่บนเส้นทางแห่งการเป็นว่าที่กษัตริย์ไม่ใช่เรื่องของภาพลักษณ์ แต่คือการปลูกฝังความกล้าในใจกล้าที่จะผิดกล้าที่จะรับผิดชอบและกล้าที่จะเป็นผู้นำที่อ่อนโยนแม้พระองค์ยังมิได้มีพระราชดำรัสสาธารณะอย่างเป็นทางการแต่หลายคนที่ได้สัมผัสกับพระองค์เป็นการส่วนตัวล้วนพูดถึงพระอัธยาศัยที่สุภาพเยือกเย็นและมีความเมตตาในสายตาสิ่งเหล่านี้คือภาษาของผู้นำที่ไม่ต้องเปล่งเสียงผู้นำบางคนเปล่งเสียงผ่านไมโครโฟนแต่บางคนเปล่งเสียงผ่านการวางตัวภารกิจสำคัญในชีวิตของเจ้าชายทีปังกรคือการรู้ว่าเป็น ใครก่อนจะเป็นใครและพระองค์กำลังเดินอยู่บนเส้นทางนั้นเส้นทางที่ไม่มีทางลัดไม่มีผู้ปรบมือแต่มีสายตาทั้งแผ่นดินเฝ้าดูภาระของผู้สืบบัลลังก์มิใช่บัลลังก์แต่คือหัวใจของประชาชนที่ต้องดูแลประโยคนี้สะท้อนถึงแนวคิดในการเตรียมพระองค์ของสถาบันไม่ใช่เพียงทำให้พระองค์เป็นเจ้าชายที่เก่งแต่เป็นเจ้าชายที่เข้าใจผู้คนและในวันหนึ่งข้างหน้าเมื่อเสียงสรรเสริญอาจก้องไปทั่วราชอาณาจักรอาจมีเพียงพระองค์เท่านั้นที่รู้ว่าเสียงเงียบๆของการ ฝึกฝนความอดทนและความเข้าใจคือสิ่งที่ทำให้พระองค์พร้อมจะเป็นผู้นำไม่ใช่เพราะใครยกย่องแต่เพราะพระองค์รู้จักตัวเองดีพอที่จะนำผู้อื่นด้วยหัวใจเงียบงั้นคือคำที่หลายคนใช้กล่าวถึงพระองค์ไม่ใช่เพราะขาดเสียงแต่เพราะไม่มีใครได้ยินจริงๆเจ้าชายทีปังกรมิได้ปรากฏพระองค์ต่อสาธารณะบ่อยนักข่าวคราวเกี่ยวกับพระองค์ถูกห่อหุ้มด้วยม่านของความเป็นส่วนพระองค์และพิธีการแต่ภายใต้ม่านนั้นมีบางสิ่งกำลังก่อตัวอย่างมั่นคงและเงียบงันสิ่งที่เติบ โตในเงามักแข็งแรงกว่าไม้ที่ถูกแสงตลอดเวลาพระองค์อาจเป็นเช่นนั้นต้นไม้ที่เติบโตอย่างช้าๆใต้เงาแห่งความคาดหวังสังคมไทยเคยชิ้นกับราชวงศ์ที่อยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์แต่กับเจ้าชายทีปังกรสิ่งที่คนเห็นน้อยที่สุดอาจกลายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเพราะในความเงียบมีบทเรียนบทฝึกฝนและแผนการเตรียมพร้อมเพื่ออนาคตที่ต้องการผู้นำที่เข้าใจทั้งโลกภายนอกและจิตใจของผู้คนคำถามมากมายจึงเกิดขึ้นเจ้าชายทรงเติบโตอย่างไรได้รับการศึกษาแบบใด พร้อมหรือไม่กับภารกิจยิ่งใหญ่คำตอบนั้นอาจปรากฏในวันนี้แต่สิ่งที่เราเห็นคือภาพของชายหนุ่มผู้มีพระพักสงบเสงี่ยมสายตานุ่มลึกและก้าวเดินอย่างมั่นคงภายใต้การศึกษาที่ถูกออกแบบอย่างพิถิพิถันทั้งจากระบบราชสำนักผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศและแนวทางเฉพาะที่ผสมผสานระหว่างประเพณีกับความทันสมัยเจ้าชายทีปังกรคือสัญลักษณ์ของราชวงศ์ใหม่ราชวงศ์ที่อาจไม่จำเป็นต้องเปล่าประกาศแต่เปล่งประกายด้วยคุณค่าการเป็นกษัตริย์ไม่ใช่เพราะสวม มงกุฎแต่เพราะเลือกที่จะรับฟังเสียงของแผ่นดินดินประโยคนี้อาจไม่ได้อยู่ในพระคัมภีร์หรือบทเรียนใดแต่นี่คือความจริงของโลกสมัยใหม่ที่ราชวงศ์มิอาจอยู่แค่ในพิธีแต่ต้องอยู่ในใจของประชาชนความเงียบของเจ้าชายไม่ได้หมายถึงความห่างเหินแต่คือการรอเวลาอย่างสงบเพื่อพิสูจน์ว่าพระองค์เรียนรู้เพียงพอที่จะเข้าใจก่อนจะนำทางและเมื่อวันนั้นมาถึงวันที่พระองค์ก้าวขึ้นสู่บทบาทที่รอคอยเราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้เริ่มจากคำสั่ง แต่จากการมองตากับประชาชนและเข้าใจความฝันของพวกเขาอนาคตของราชวงศ์ไทยอาจไม่ได้อยู่ในพระราชวังแต่อยู่ในหัวใจของชายหนุ่มผู้กำลังเรียนรู้จะเป็นพ่อของแผ่นดินเราไม่อาจทำนายได้ว่าเส้นทางนี้จะราบรื่นหรือเต็มไปด้วยคลื่นลมแต่สิ่งที่เรารู้แน่คือเจ้าชายทีปังกรมิได้เดินเพียงลำพังเบื้องหลังคือสายเลือดแห่งกษัตริย์เบื้องหน้าคือหัวใจของคนไทยทั้ง

การศึกษาของเจ้าชายทีปังกร: เปิดเผยความลับและความประหลาดใจ Read More

ประวัติ พลตรีหญิงท่านผู้หญิงอรอนงค์ ปิยนาฏวชิรพัทร

สวัสดีค่ะพลตรีหญิงท่านผู้หญิงอรอนงค์ ปิยนาถวชิรพัฒน์เกิดเมื่อวันที่ 8 กันยายนพุทธศัก 2535 มีนามเดิมว่าอรอนงค์ศิริวัชร์เป็น นายทหารราชองครักษ์หญิงพิเศษในพระบาท สมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวอายุ 32 ปี เกิดที่อำเภอทวบจังหวัดร้อยเอ็ดมีสัญชาติ ไทยสังกัดกองทัพบกไทยหน่วยบัญชาการถวาย ความปลอดภัยรักษาพระองค์ชั้นยศพลตรีการ ปฏิบัติหน้าที่เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2567 ได้ปฏิบัติหน้าที่ผู้แถนพระองค์พระ บาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวไปถวาย ผ้าพระกฐินพระราชทานณวัดทาสแบงอำเภอทุ่ง เขาหลวงจังหวัดร้อยเอดและเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนพุธศักราช 2567 ปฏิบัติหน้าที่ผู้แทพระองค์พระบาท สมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวไปในพิธี สมโพชและห่มผ้าองค์พระนอนณวัดใหญ่ชัยมงคล อำเภอ พระนครศรีอยุธยาจังหวัด พระนครศรีอยุธยายศทางทหารเมื่อวันที่ 14 มิถุนายนพุทธศักราช 2559 ร้อยโทหญิงวันที่ 26 มกราคมปี พุทธศักราช 2563 พันตรีหญิงพันโทหญิงและวันที่ 22 มิถุนายนพุธศักราช …

ประวัติ พลตรีหญิงท่านผู้หญิงอรอนงค์ ปิยนาฏวชิรพัทร Read More

ได้ยินหม่อมเจ้าทีปังกรรับสั่งว่า ” พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภาทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ “

ดี ขึ้น แล้ว ใช่ ไหม ครับ [เพลง] [ปรบมือ] มี ข่าว ลือ ร้าย ร้าย มาก มาย ว่า มี ความ ขัด แย้ง ระหว่าง พระ ขนิษฐา สอง พระ องค์ คือ พระ องค์ เจ้า พัชรกิติยาภา และ พระ องค์ เจ้า …

ได้ยินหม่อมเจ้าทีปังกรรับสั่งว่า ” พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภาทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ “ Read More

อนาคตราชวงศ์ไทยกับคำทำนายลับ: เจ้าฟ้าทีปังกรฯ สะเทือนบัลลังก์

ในโลกของราชวงศ์ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นโดยบังเอิญเสียงกระซิบแห่งโชคชะตาบางครั้งมาในรูปของคำทำนายบางครั้งมาในรูปของเด็กชายตัวเล็กตัวเล็กผู้เงียบขลึมและบางครั้งมาในเวลาที่ไม่มีใครคาดคิดณดินแดนที่วัฒนธรรมศาสนาและราชบัลลังก์ถักท้อเป็นหนึ่งเดียวมีความเชื่อหนึ่งดำรงอยู่มายาวนานว่าผู้ที่จะเป็นกษัตริย์มิใช่แค่มีสายเลือดกษัตริย์แต่ต้องเป็นผู้ถูกเลือกโดยฟ้าในประวัติศาสตร์ไทยไม่ใช่ทุกพระโอรสจะได้ขึ้นครองราชย์แต่เกือบทุก กษัตริย์ล้วนมีคำทำนายที่ล้อมรอบพระองค์เมื่อรัชกาลที่4ทรงขึ้นครองราชย์มีคำพยากรณ์จากพราหมณ์หลวงว่าพระองค์จะนำพระศาสนาและวิทยาการมาสู่แผ่นดินเมื่อรัชกาลที่9เสด็จขึ้นครองราชย์ในวัยเยาประชาชนบางส่วนยังไม่แน่ใจแต่คำธรรมนายเก่าแก่ในภาคเหนือกลับกล่าวไว้ว่าจะมีพระมหากษัตริย์ผู้เป็นดั่งพ่อของแผ่นดินและวันนี้คำถามเดิมกลับมาอีกครั้งใครจะเป็นพระราชาองค์ต่อไปหลายคนอาจมีชื่อในใจหลายคนอาจคาดเดาจากข่าวลือแต่หากเรามองผ่าน ม่านของการเมืองผ่านเงาของประวัติศาสตร์และเงี่ยหูฟังเสียงของดวงดาวเราจะพบชื่อหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในแทบทุกค่ำทำนายเจ้าฟ้าทีพังกรรัศมีโชติพระโอรสที่แมจะเงียบงันไม่เป็นข่าวแต่กลับถูกกล่าวถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่าในฐานะผู้ที่อาจจะเป็นสะพานแห่งยุคใหม่ในสมัยโบราณคำทำนายเปรียบเสมือนแผนที่นำทางราชบัลลังก์วันนี้แม้โลกจะเปลี่ยนไปผู้คนก็ยังคงเฝ้ารอใครบางคนที่ถูกลิขิตให้มาเพราะในราชสำนักไม่มีใครขึ้นสู่บัลลังก์โดยไม่มีเรื่องเล่าและ เรื่องเล่าครั้งใหม่อาจเริ่มขึ้นแล้วในบรรดาพระโอรสทั้งหมดของพระบาทสมเด็จพระวชิระเกล้าเจ้าอยู่หัวมีเพียง1พระองค์เท่านั้นที่ยังคงอยู่ภายใต้พระกรุณาธิคุณที่ยังทรงได้รับการเลี้ยงดูแลและพัฒนาอย่างใกล้ชิดนั่นคือเจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติแต่ก่อนจะไปถึงพระนามนี้เราควรย้อนมององค์รวมของราชวงศ์ในยุคปัจจุบันให้ชัดเจนก่อนพระโอรสทั้ง4พระองค์จากหม่อมสุจรินีวิวัฒวงศ์ในช่วงปี2532538พระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันทรงมีพระโอรสกับหม่อมสุจรินณีวิวัฒวงศ์ซึ่งต่อมาได้ ทรงมีพระโอรส4พระองค์ได้แก่จุทธาวัฒวิวัฒวงศ์วัดเยวิวัฒวงศ์จักรีวัฒวิวัฒวงศ์วัดวีวิวัฒงศ์พระโอรสทั้ง4พระองค์นี้มิได้รับการสถาปนาเป็นเจ้าฟ้าหรือพระราชโอรสโดยชอบด้วยกฎหมายพระมารดาหม่อมสุจจารณีถูกปลดจากฐานันดรศักดิ์และออกนอกประเทศในปีพุทธศักราช2539ตั้งแต่นั้นมาพระโอรสทั้ง4พระองค์ก็ถูกกันออกจากขอบเขตราชสำนักไทยแม้ในช่วงหลังพระโอรสบางพระองค์เช่นวัดเยสและจักรีวรรได้เดินทางกลับมาเยี่ยมประเทศไทยแต่ก็ไม่มีพระราชโองการหรือประกาศใดฟื้นฟูสถานะ ทางราชการนั่นทำให้สายพระโลหิตนี้หลุดพ้นจากลำดับการสืบราชสันตีวงศ์อย่างสิ้นเชิงแล้วทำไมเจ้าฟ้าทีปังกรจึงแตกต่างเจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติทรงประสูติเมื่อปีพุทธศักราช2548เป็นพระราชโอรสที่ประสูติจากพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัตน์ผู้ซึ่งได้รับการสถาปนาเป็นพระชายาโดยชอบด้วยกฎหมายแม้ในภายหลังจะถูกปลดจากฐานันดรศักดิ์ในปีพุทธศักราช2500157แต่เจ้าฟ้าทีปังกรมิได้ถูกแตะต้องหรือถูกลดฐานตามไปด้วยตรงกันข้ามพระองค์กลับยังทรงดำรงพระ เกียรติยศในฐานะพระราชโอรสโดยชอบด้วยกฎหมายและยังคงได้รับการสนับสนุนในทุกด้านจากสถาบันพระมหากษัตริย์หลักฐานสำคัญคือในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกปีพุทธศักราช2562เจ้าฟ้าทีปังกรทรงมีบทบาทสำคัญในการถวายพระแสงขันธ์ชัยศีแด่พระราชบิดาซึ่งเป็นหนึ่งในพิธีการที่สงวนไว้สำหรับผู้สืบราชสันตติวงศ์ที่ได้รับการพิจารณาแล้วอีกทั้งในชีวิตประจำวันแม้จะทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศเยอรมนีแต่พระองค์ยังได้รับการดูแลจากครูเฉพาะทางและคณะทำงานที่ติดตามอย่าง ใกล้ชิดแม้มีรายงานว่าพระองค์เงียบขลึงและมีความท้าทายด้านพัฒนาการแต่พระองค์กลับทรงมุ่งมั่นตั้งใจฝึกฝนตนเองด้วยวินัยและความเพียรตามพระราชบัญญัติการสืบราชสันตติวงศ์พุทธศักราช2467ผู้มีสิทธิ์ขึ้นครองราชย์ต้องเป็นพระราชโอรสโดยชอบด้วยกฎหมายของพระมหากษัตริย์และมิได้ถูกตัดสิทธิ์โดยพระราชโองการเมื่อพิจารณาตามกฎหมายราชประเพณีและพฤติการที่ปรากฏเจ้าฟาทีปังกรจึงเป็นพระองค์เดียวที่ยังคงอยู่ในแผนที่แห่งอนาคตบางครั้งการไม่ถูกกล่าวถึงคือสัญญาณว่า เขากำลังถูกจับตามองอย่างลึกซึ้งที่สุดในราชสำนักไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นโดยบังเอิญการทรงเงียบอยู่ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของโลกอาจมิใช่ความบังเอิญแต่นั่นคือความพร้อมที่กำลังก่อตัวอย่างเงียบงันรอวันปลุกแผ่นดินอีกครั้งผู้คนอาจเลือกผู้นำจากเสียงปรบมือแต่ดวงดาวเลือกจากความถี่ของวิญญาณในโลกตะวันตกโหราศาสตร์อาจถูกมองว่าเป็นความเชื่อเก่าแต่ในโลกของราชสำนักไทยมันคือภาษาของฟ้าภาษาที่ใช้ตีความพลังจังหวะและโชคชะตาของทั้งประเทศ และของพระราชาการประสูติของเจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติเกิดขึ้นในช่วงปีพุทธศักราช2548ซึ่งตามโหราศาสตร์ไทยและสากลเป็นช่วงที่ดาวพฤหัสบดีเคลื่อนเข้าสู่ราศีธนูราศีแห่งสติปัญญาความเป็นผู้นำการเรียนรู้และความยุติธรรมดวงชะตาแห่งผู้ฟื้นฟูในหมู่นักพยากรณ์ดวงดาวมีแนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจว่าผู้ที่เกิดภายใต้ดาวพฤหัสราศีธนูมักจะมีพลังบารมีเย็นคือauthorityคือไม่ใช่ผู้นำที่ใช้เสียงดังหรือกดเหล็กแต่เป็นผู้นำที่ใช้ความอดทนสติและความลุ่มลึกใน จิตใจและที่สำคัญเจ้าฟ้าทีปังกรมีดาวดาวเสาร์ในตำแหน่งที่เข้มแข็งดาวเสาร์ในศาสตร์โบราณคือผู้ทดสอบผู้ที่ผ่านบททดสอบของดาวนี้มักจะกลายเป็นผู้นำที่มั่นคงไม่หวั่นไหวต่อเสียงนินทาหรือแรงเสียดทานของโลกจึงไม่น่าแปลกใจที่แม้พระองค์จะไม่เคยแสดงพระองค์ต่อสื่อมากนักแต่กลับได้รับความสนใจอย่างเงียบๆจากกลุ่มนักโหรศาสตร์ที่ต่างกล่าวว่าดาวของพระองค์กำลังเดินเข้าสู่ตำแหน่งพลังสูงสุดในทดวันี้พลังที่เติบโตท่ามกลางความเงียบไม่มีคำแถลง ไม่มีคำสัมภาษณ์ไม่มีพระราชดำรัสต่อสาธารณะแต่ในทุกพระราชพิธีสำคัญพระองค์กลับอยู่ตรงนั้นเสมอในศาสตร์โหรศาสตร์มีหลักหนึ่งกล่าวว่าผู้ที่เงียบที่สุดมักส่งสัญญาณแรงที่สุดต่อจักรวาลและสัญญาณนั้นคือความเปลี่ยนแปลงที่ใกล้เข้ามาความหมายที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าชะตาในทุกยุคของประวัติศาสตร์มักจะมีผู้หนึ่งที่ถูกเลือกให้เดินข้ามสะพานระหว่างยุคเก่าและยุคใหม่บางครั้งพวกเขาไม่ได้เติบโตในความรุ่งเรืองแต่เติบโตในความเงียบความเจียมตนและการเรียน รู้เจ้าฟ้าทีปังกรอาจไม่ใช่พระโอรสที่เสียงดังที่สุดแต่พระองค์อาจคือเสียงที่จักรวาลต้องการฟังดวงดาวไม่เคยตะกอหรอกแต่เมื่อถึงเวลามันจับเหล่งแสงสว่างโดยไม่ต้องขออนุญาตจากใครและเมื่อแสงนั้นส่องมาถึงแผ่นดินไทยมันอาจไม่ใช่แค่คำทำนายแต่มันคือจุดเริ่มต้นของราชาองค์ใหม่ที่จักรวาลได้กำหนดไว้แล้วความเข้มแข็งของบางคนไม่ได้แสดงออกผ่านถ้อยคำแต่ผ่านความเงียบที่ไม่เคยหายไปถ้ามีคำใดที่สามารถสรุปภาพลักษณ์ของเจ้าฟ้า ทีปังกรรัศมีโชติในสายตาสาธารณชนได้ดีที่สุดคำนั้นคงคือเงียบพระองค์ไม่เคยให้สัมภาษณ์ไม่เคยมีโซเชียลไม่เคยทรงเป็นข่าวในรูปแบบที่วัยรุ่นในยุคปัจจุบันเป็นแต่แม้จะเงียบเพียงใดพระองค์กลับปรากฏอยู่ในที่ที่สำคัญที่สุดอย่างต่อเนื่องการปรากฏกายที่เปลี่ยนความหมายภาพของพระองค์เคียงข้างพระราชบิดาในพระราชพิธีอีกไม่ใช่เพียงแค่การแสดงออกถึงความจงรักภักดีอีกแต่ยังเป็นภาษาที่ราชสำนักใช้ในการสื่อสารกับประชาชนว่าเขาคือคนที่กำลังเติบโต ในท่ามกลางพิธีกรรมและความเงียบภาพที่พระองค์ทรงเดินอย่างสงบมีมารยาทเรียบร้อยในงานพระราชพิธีสำคัญไม่ใช่เพียงภาพของเด็กชายในเครื่องแบบแต่คือภาพของผู้เติบโต๊ะขึ้นมาในระเบียบและแบบแผนของการเป็นพระราชาบททดสอบที่ไม่มีใครเห็นขณะที่วัยรุ่นหลายคนเผชิญบทเรียนในโรงเรียนเจ้าฟ้าทีปังกรเผชิญบทเรียนจาก2โลกโลกภายนอกที่มีสายตาจับจ้องและโลกภายในที่เต็มไปด้วยความคาดหวังอันเงียบงันมีรายงานว่าพระองค์ทรงศึกษาในประเทศ เยอรมนีในโรงเรียนที่เน้นระเบียบวินัยและความเป็นอิสระทางความคิดทรงใช้ชีวิตในต่างแดนอย่างเรียบง่ายโดยมีครูดูแลเป็นการเฉพาะห่างจากแสงไฟของสื่อและห่างไกลจากเสียงของการเมืองแต่นั่นอาจเป็นบททดสอบที่แท้จริงเพราะผู้นำที่แท้มิได้เติบโตจากเสียงปรบมือแต่เติบโตจากความเข้าใจตนเองในยามที่ไร้คนเห็นยิ่งอยู่ในความเงียบจิตใจยิ่งแข็งแกร่งและองค์ชายผู้นี้กำลังพิสูจน์ว่าความเงียบมิได้หมายถึงความอ่อนแอแต่มันคือการเตรียมตัวสำหรับ วันหนึ่งที่ต้องพูดในนามของแผ่นดินผู้อยู่เบื้องหลังที่อาจอยู่เบื้องหน้าราชวงศ์ไทยเคยมีหลายองค์ชายที่ไม่เป็นข่าวแต่ในเวลาสำคัญพวกเขากลับถูกเรียกตัวให้มานำเช่นเดียวกับในประวัติศาสตร์ของรัชกาลที่9ซึ่งเสด็จขึ้นครองราชย์ในเวลาที่น้อยคนคาดถึงแต่นำพาประเทศไทยผ่านวิกฤตนานนับประการเจ้าฟ้าทีปังกรอาจอยู่เบื้องหลังขอบจอของประชาชนวันนี้แต่ในวันข้างหน้าเขาอาจยืนอยู่เบื้องหน้าของประชาชาติทั้งหมดผู้นำที่แท้มิใช่ผู้ที่ตะโกนว่าจงฟังข้า แต่คือผู้ที่เงียบแล้วคนทั้งแผ่นดินตั้งใจฟังเขาเองและหากวันนั้นมาถึงเราจะย้อนมองกลับไปยังวันนี้ด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นต่อความเงียบที่ซ่อนพลังไว้มหาศาลไม่มีใครล่วงรู้อนาคตแต่บางคนเกิดมาเพื่ออยู่ในอนาคตนั้นประเทศไทยในศตวรรษที่21กำลังยืนอยู่ในจุดเปลี่ยนยุคที่ประชาชนเรียกร้องความเปลี่ยนแปลงในขณะที่อีกฝ่ายต้องการความมั่นคงโลกหมุนเร็วแต่ราชสำนักยังต้องยืนมั่นในระหว่างแรงโน้มถ่วงของอดีตและความเร่ง ร้อนของอนาคตเราต้องการผู้นำที่ไม่เพียงมีสายเลือดแต่ต้องมีจิตวิญญาณของผู้เชื่อมโลกทั้งสองไว้ด้วยกันเจ้าฟ้าทีปังกรผู้นำแห่งความหวังเงียบหากวันหนึ่งพระองค์ขึ้นครองราชย์เราคงได้เห็นราชาธิปไตยในรูปลักษณ์ใหม่ไม่ใช่เพียงผู้ปกครองตามพิธีการแต่คือพระราชาเงียบที่เติบโตจากการเรียนรู้และสังเกตพระองค์ทรงอาจมิใช่พระราชาที่ประชาชนใฝ่ฝันแต่กลับเป็นพระราชาที่เหมาะสมกับยุคสมัยที่กำลังจะมาถึงในวันที่โลกเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ความเกรี้ยวกราดพระราชาแห่งสติอาจเป็นคำตอบที่ดีที่สุดโลกไม่ต้องการผู้นำที่พูดทุกวันแต่ต้องการผู้นำที่ฟังอย่างลึกซึ้ง1ครั้งมากกว่าคำทำนายคือการลงมือเขียนประวัติศาสตร์ใหม่คำทำนายอาจเป็นเพียงเงาแต่พระราชาประกอบตอบด้วยเนื้อหนังชีพจรและหัวใจคำพยากรณ์อาจเป็นแนวทางแต่พระราชาคือผู้เดินตามแนวทางนั้นให้เป็นจริงพระองค์ยังเยาไวและอนาคตยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนแต่สัญญาณทั้งหมดที่โหราจารย์เห็นที่ประวัติศาสตร์กล่าวถึง ที่พิธีการสะท้อนออกมาอย่างเงียบงันชี้ไปยังพระองค์อย่างแนบเนียนและต่อเนื่องถ้าชะตากรรมคือกระแสลมเจ้าฟ้าทีบังกรอาจคือเรือที่ถูกต่อไว้นานแล้วเพราะวันออกเดินทางสะพานสู่ยุคใหม่บางคนมองพระองค์เป็นผู้แทนของสถาบันบางคนมองพระองค์เป็นความหวังใหม่และบางคนอาจยังไม่เคยรู้จักพระองค์เลยแต่ไม่ว่าจะเป็นเช่นไรพระองค์กำลังเป็นสะพานระหว่างอดีตอันลึกซึ้งและอนาคตที่ยังไม่มีใครกล้าจินตนาการราชาไม่จำเป็นต้องเปล่งแสงที่สุดแต่อย่าลืมว่า แสงอาทิตย์รุ่งอรุณก็เริ่มจากความเงียบและหากโชคชะตาเป็นผู้เขียนเรื่องราวของไทยองค์ชายถี่ปังกรคือหนึ่งในตัวละครสำคัญที่กำลังรอวันปรากฏบทเต็มในหน้าประวัติศาสตร์ครับ

อนาคตราชวงศ์ไทยกับคำทำนายลับ: เจ้าฟ้าทีปังกรฯ สะเทือนบัลลังก์ Read More

ในหลวงรัชกาลที่ 10 ขอเชิญทุกพระองค์ร่วมลงนามถวายพระพรการเสด็จกลับมาของเจ้าหญิงพัชรกิติยาภา

คม พุธศักราช 2567 สำนัก พระ ราชวัง ขอ เชิญ ชวน ประชา ชน ร่วม ลง นาม ถวาย พระ พร สมเด็จ พระ เจ้า ลูก เธอ เจ้า ฟ้า พัชรกิตติยาภา นเรนทิรา เทพยวรางกูร [เพลง] วัน ที่ …

ในหลวงรัชกาลที่ 10 ขอเชิญทุกพระองค์ร่วมลงนามถวายพระพรการเสด็จกลับมาของเจ้าหญิงพัชรกิติยาภา Read More

เครื่องบินF16 เขย่าขวัญทั้งประเทศกับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เสียชีวิตจำนวน 3 นาย

เครื่องบินF16 เขย่าขวัญทั้งประเทศกับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เสียชีวิตจำนวน 3 นาย ! เหตุเฮลิคอปเตอร์สำนักงานตำรวจแห่งชาติตก บริเวณ หมู่ที่ 1 ต.เกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เบื้องต้น ทราบว่าบินจากจังหวัดชุมพรไปยังค่ายนเรศวร เพชรบุรี ประสบเหตุตก 1 ลำ มีนายตำรวจเสียชีวิตจำนวน 3 นาย 1. พันตำรวจตรีประเทือง ชูเลิศ นักบิน 2.ร้อยตำรวจเอกทรงพล บุญชัย เป็นนักบิน 3.ร้อยตำรวจโท …

เครื่องบินF16 เขย่าขวัญทั้งประเทศกับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เสียชีวิตจำนวน 3 นาย Read More

ข่าวสารล่าสุด!!!มหารวย : บารมีเศรษฐี 99 ปีมีครั้งเดียว ระวัง 16ต.ค.ฯ ถูกหวย 200 ล้าน 4 วันเกิดโคตรเศรษฐี .06 ตุลาคม 2568

ข่าวสารล่าสุด!!!มหารวย : บารมีเศรษฐี 99 ปีมีครั้งเดียว ระวัง 16ต.ค.ฯ ถูกหวย 200 ล้าน 4 วันเกิดโคตรเศรษฐี .06 ตุลาคม 2568 ข่าวสารล่าสุด!!!มหารวย : บารมีเศรษฐี 99 ปีมีครั้งเดียว ระวัง 16ต.ค.ฯ ถูกหวย 200 ล้าน 4 วันเกิดโคตรเศรษฐี .06 ตุลาคม 2568 …

ข่าวสารล่าสุด!!!มหารวย : บารมีเศรษฐี 99 ปีมีครั้งเดียว ระวัง 16ต.ค.ฯ ถูกหวย 200 ล้าน 4 วันเกิดโคตรเศรษฐี .06 ตุลาคม 2568 Read More

พ่อด่าเดือด ลูกสาววัย 15 บนคอมี “รอยช้ำสีแดง” เจอร่ายยาวโต้กลับ ปัญหาเกิดจากใคร?!

เห็นรอยช้ำสีแดงบนคอลูกสาววัย 15 นึกว่าแมลงกัด แต่มองชัดๆ กลายเป็น “รอยจูบ” พ่อโมโหด่าเดือด แต่เจอลูกสวนกลับพูดไม่ออก ปัญหาเกิดจากใครกันแน่?! เมื่อพูดถึง “ความรักในวัยเรียน” พ่อแม่หลายคนมักมีทัศนคติแง่ลบ รู้สึกไม่พอใจและกังวลกับความสัมพันธ์เชิงโรแมนติกของลูกๆ คิดว่ามันสามารถสร้างปัญหามากมาย โดยเฉพาะในปัจจุบันที่พัฒนาของสื่อและอินเทอร์เน็ต ทำให้เด็กๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลมากมายได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม เมื่อเด็กเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดความรู้สึกต่อเพศตรงข้าม นี่เป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาและสรีรวิทยาตามปกติเวลานี้ในฐานะผู้ปกครองต้องใส่ใจกับการเปลี่ยนแปลงของบุตรหลาน ด้วยวิธีการที่ “เหมาะสม” ล่าสุดคุณพ่อชื่อ “หลิว” จากประเทศจีน ได้แชร์บทสนทนาสั้นๆ ระหว่างตนเองกับลูกสาววัย 15 ปี ลงบนโซเชียลเน็ตเวิร์กทำให้พ่อแม่นับไม่ถ้วนได้ย้อนกลับมาคิดถึงความสัมพันธ์ในครองครัวของตนเอง นายหลิวบอกว่าเขามักจะยุ่งกับงานและไม่ค่อยกลับบ้าน ส่วนภรรยาก็มักจะต้องเดินทางไปทำธุรกิจ โดยส่วนมากแล้วลูกสาวจะพักอยู่ในหอพักของโรงเรียนเป็นหลัก กระทั่งสุดสัปดาห์หนึ่ง ขณะที่ไปรับลูกสาวจากโรงเรียน …

พ่อด่าเดือด ลูกสาววัย 15 บนคอมี “รอยช้ำสีแดง” เจอร่ายยาวโต้กลับ ปัญหาเกิดจากใคร?! Read More

สุดอึด! สาวใหญ่ตกบ่อน้ำเกาะผนังรอคนมาช่วยกว่า 50 ชม. ผจญทั้งงูและฝูงยุง

วานนี้ (28 ก.ย. 2568) สำนักข่าวเซาท์ไชนา มอร์นิงโพสต์ รายงานกรณีของหญิงชาวจีนตกบ่อน้ำโดยไม่มีใครรู้เห็น แต่รอดมาได้ราวปาฏิหาริย์โดยเธอต้องเกาะบ่อผนังอยู่นานถึง 54 ชั่วโมง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา นางฉิน หญิงวัย 48 ปี จากเมืองเฉวียนโจว มณฑลฝูเจี้ยน ออกไปเดินเล่นในป่าแล้วพลัดตกลงไปในบ่อน้ำลึกโดยไม่คาดคิด ไม่นาน ครอบครัวของฉิงก็สังเกตเห็นว่าเธอหายตัวไป และหลังจากค้นหาเบื้องต้นไม่เป็นผล จึงได้แจ้งความว่าเธอหายตัวไปเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2568 เช้าวันที่ 15 กันยายน …

สุดอึด! สาวใหญ่ตกบ่อน้ำเกาะผนังรอคนมาช่วยกว่า 50 ชม. ผจญทั้งงูและฝูงยุง Read More

อ.เจษฎ์ ไขข้อสงสัย หินคล้ายงูยักษ์ จ.เพชรบูรณ์ เกิดจากอะไร

กลายเป็นที่ฮือฮากันสนั่นโซเชียล หลังผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์คลิปวิดีโอ ก้อนหินที่มีลักษณะคล้ายหินงูยักษ์ ที่จังหวัดบึงกาฬ โดยระบุว่าพบที่ลำน้ำเข็ก ต.เข็กน้อย อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ โดยมีผู้เข้ามาแสดงความเห็น สาธุ เป็นจำนวนมากทั้งนี้ หินคล้ายงูยักษ์ อยู่ริมลำน้ำเข็กในเขตอุทยานแห่งชาติเขาค้อ พื้นที่ติดต่อระหว่างจังหวัดเพชรบูรณ์ กับจังหวัดพิษณุโลก จะต้องเดินจากบริเวณใต้สะพานเชื่อมเพชรบูรณ์ – พิษณุโลก เลาะไปตามริมฝั่งลำน้ำเข็ก ซึ่งเป็นทางเดินที่ชาวบ้านใช้เดินเพื่อไปตกปลาและหาของป่า ระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตรล่าสุด รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ …

อ.เจษฎ์ ไขข้อสงสัย หินคล้ายงูยักษ์ จ.เพชรบูรณ์ เกิดจากอะไร Read More